ภูมิทัศน์ใหม่ของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช การวิเคราะห์แนวโน้มและนวัตกรรมล่าสุดปี 2024-2025
- Thai Tissue Admin

- 13 ก.ย.
- ยาว 3 นาที

ยุคใหม่แห่งการเติบโตที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและข้อมูล
ในปี 2024 เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชได้ก้าวข้ามบทบาทดั้งเดิมของการเป็นเพียงเครื่องมือในการขยายพันธุ์พืช มาสู่การเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีชีวภาพที่สำคัญและมีการเติบโตอย่างก้าวกระโดด ตลาดการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชทั่วโลกมีมูลค่าประมาณ 480-1,580 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2024 และคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยอัตราการเติบโตต่อปี (CAGR) ที่น่าประทับใจประมาณ 9.1-10.1% ในช่วงปี 2024-2031 การเติบโตนี้ขับเคลื่อนโดยความต้องการพืชผลที่ให้ผลผลิตสูงและทนทานต่อโรค การขยายตัวของอุตสาหกรรมพืชสวน โดยเฉพาะไม้ดอกไม้ประดับ และความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับพืชสมุนไพรในการผลิตยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ภูมิทัศน์ในปี 2024-2025 ไม่ได้ถูกกำหนดโดยการปรับปรุงโปรโตคอลที่มีอยู่เดิมเท่านั้น แต่ยังเกิดจากการผนวกรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยอย่างการตัดต่อจีโนม ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และระบบอัตโนมัติ ซึ่งกำลังปฏิวัติประสิทธิภาพ ความแม่นยำ และขนาดของการผลิตในระดับอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญยังคงอยู่ เช่น ต้นทุนการลงทุนเริ่มต้นที่สูง และการขาดแคลนผู้เชี่ยวชาญและแรงงานที่มีทักษะ โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการนำเทคโนโลยีไปใช้อย่างแพร่หลาย รายงานฉบับนี้จะเจาะลึกถึงความก้าวหน้าล่าสุดในช่วงปี 2024-2025 โดยสำรวจนวัตกรรมทางเทคโนโลยีที่สำคัญ การประยุกต์ใช้ในภาคส่วนต่างๆ และภาพรวมของตลาดและกฎระเบียบที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
I. พรมแดนแห่งเทคโนโลยี: นวัตกรรมล้ำสมัยในปี 2024-2025
ความก้าวหน้าในช่วงปี 2024-2025 สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพ โดยเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อได้กลายเป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้สำหรับเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่
การผนวกรวมกับการตัดต่อจีโนม (Integration with Genome Editing)
ในปี 2024 เป็นที่ประจักษ์ชัดว่าความสำเร็จของเทคโนโลยีการตัดต่อจีโนมที่ปฏิวัติวงการอย่าง CRISPR-Cas9 นั้น ขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพของเทคนิคการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่ออย่างแยกไม่ออก การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อทำหน้าที่เป็น "สะพานเชื่อม" ที่สำคัญในสองขั้นตอนหลัก คือ 1) เป็นสภาวะแวดล้อมสำหรับการนำส่งเครื่องมือตัดต่อจีโนมเข้าสู่เซลล์พืช และ 2) เป็นกระบวนการที่จำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างพืชทั้งต้นขึ้นใหม่จากเซลล์ที่ผ่านการตัดต่อยีนแล้ว ความท้าทายที่สำคัญที่สุดในปัจจุบันจึงไม่ใช่ตัวเทคนิคการตัดต่อจีโนมเอง แต่เป็นความยากลำบากในการสร้างพืชทั้งต้นขึ้นใหม่ ซึ่งเป็นคอขวดที่จำกัดความเร็วและความสำเร็จของโครงการปรับปรุงพันธุ์พืชสมัยใหม่
ความก้าวหน้าในปี 2024 ได้แสดงให้เห็นถึงความพยายามอย่างเข้มข้นในการเอาชนะอุปสรรคนี้ โดยมีการพัฒนากลยุทธ์ใหม่ๆ เช่น การใช้ยีนที่ส่งเสริมการสร้างต้นใหม่ (regeneration-promoting genes) เพื่อเร่งกระบวนการ นอกจากนี้ ยังมีการนำผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการตัดต่อจีโนมออกสู่ตลาดอย่างเป็นรูปธรรม เช่น การพัฒนาผลเบอร์รี่ไร้เมล็ดและไร้หนาม ข้าวโพดที่มีปริมาณลิกนินลดลง 20% เพื่อให้ย่อยง่ายขึ้นสำหรับเป็นอาหารสัตว์ และข้าวริซอตโต้พันธุ์ "RIS8imo" ที่ทนทานต่อโรคไหม้ ซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงต่อธัญพืชทั่วโลก ภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบที่เปลี่ยนแปลงไปก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง ในเดือนกรกฎาคม 2024 ประเทศไทยได้ออกกฎหมายใหม่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ผ่านการตัดต่อจีโนมเพื่อการเกษตร ขณะที่สหภาพยุโรปก็กำลังพิจารณาข้อเสนอเกี่ยวกับเทคนิคจีโนมใหม่ (New Genomic Techniques - NGTs) ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะช่วยเร่งการนำพืชที่ผ่านการตัดต่อจีโนมออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้น
ระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (Automation and Artificial Intelligence)
เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มขนาดการผลิต แนวโน้มที่สำคัญในปี 2024-2025 คือการนำระบบอัตโนมัติและปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในขั้นตอนที่ต้องใช้แรงงานคนสูง เช่น การย้ายเลี้ยงเนื้อเยื่อ และการคัดแยกต้นกล้า ตัวอย่างเช่น บริษัท NuPlant ในออสเตรเลียได้เปิดตัวระบบ "SmartClone" ซึ่งใช้หุ่นยนต์ที่มีความแม่นยำสูงในการผลิตโคลนพืชที่แข็งแรงและสม่ำเสมอ ซึ่งช่วยลดต้นทุนแรงงานและเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต นอกจากนี้ อัลกอริทึมการเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) เช่น โครงข่ายประสาทเทียม (ANNs) ถูกนำมาใช้เพื่อทำนายและปรับปรุงสภาวะการเพาะเลี้ยงที่เหมาะสมที่สุด ตั้งแต่ส่วนประกอบของอาหารเลี้ยงไปจนถึงช่วงเวลาการย้ายเลี้ยง ซึ่งช่วยเพิ่มอัตราการรอดชีวิตของต้นกล้าได้อย่างมีนัยสำคัญ
นวัตกรรมทางเทคนิคอื่นๆ
นอกเหนือจากการบูรณาการกับเทคโนโลยีขั้นสูงแล้ว ยังมีความก้าวหน้าในเทคนิคพื้นฐานที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและความยั่งยืนของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่ออีกด้วย
ระบบปฏิกรณ์ชีวภาพแบบจุ่มชั่วคราว (Temporary Immersion Bioreactors - TIS): ระบบนี้ช่วยให้สามารถเพาะเลี้ยงพืชในอาหารเหลวปริมาณมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยให้พืชสัมผัสกับอาหารเป็นช่วงๆ สลับกับการได้รับอากาศ ซึ่งช่วยป้องกันภาวะอวบน้ำ (hyperhydricity) และเพิ่มอัตราการเติบโต
การขยายพันธุ์แบบสังเคราะห์แสง (Photoautotrophic Propagation): เป็นเทคนิคที่พยายามลดการพึ่งพาน้ำตาลในอาหารเลี้ยง โดยการปรับปรุงสภาพแวดล้อมในภาชนะเพาะเลี้ยงให้เอื้อต่อการสังเคราะห์แสงมากขึ้น ซึ่งช่วยให้ได้ต้นกล้าที่แข็งแรงและปรับตัวเข้ากับสภาพแวดล้อมภายนอกได้ดีขึ้น
การใช้นาโนเทคโนโลยี: มีการนำอนุภาคนาโนมาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อชิ้นส่วนพืชและส่งเสริมการเจริญเติบโตในสภาพปลอดเชื้อ ซึ่งเป็นแนวทางใหม่ที่น่าจับตามอง
การสร้างเอ็มบริโอจากเซลล์โซมาติกและเมล็ดเทียม (Somatic Embryogenesis and Artificial Seeds)
การสร้างเอ็มบริโอจากเซลล์โซมาติก (Somatic Embryogenesis - SE) ยังคงเป็นหัวข้อวิจัยที่สำคัญในปี 2024-2025 เนื่องจากมีศักยภาพสูงในการขยายพันธุ์พืชปริมาณมหาศาลและเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยี "เมล็ดเทียม" งานวิจัยล่าสุดได้มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจกลไกทางสรีรวิทยาและชีวเคมีที่ควบคุมกระบวนการนี้ให้ดียิ่งขึ้น
การปรับปรุงประสิทธิภาพด้วยสารยับยั้งการขนส่งออกซิน: งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในเดือนมีนาคม 2024 ได้ค้นพบว่าการใช้สารยับยั้งการขนส่งฮอร์โมนออกซิน (auxin efflux inhibitor) เช่น naphthylphthalamic acid (NPA) ร่วมกับออกซินธรรมชาติอย่าง IAA สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการชักนำการสร้างเอ็มบริโอได้เทียบเท่ากับการใช้ 2,4-D ซึ่งเป็นสารสังเคราะห์ที่นิยมใช้กันทั่วไป แต่มีข้อเสียคืออาจส่งผลกระทบต่อการพัฒนาของต้นกล้าในระยะต่อไป วิธีการใหม่นี้ไม่เพียงแต่ให้ผลลัพธ์ที่ดี แต่ยังช่วยให้ได้ต้นกล้าที่แข็งแรงและสม่ำเสมอมากขึ้น
เทคโนโลยีเมล็ดเทียม: บทความทบทวนในปี 2024 ได้สรุปถึงความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเมล็ดเทียม โดยชี้ให้เห็นถึงข้อดีในด้านการผลิตเชิงพาณิชย์ขนาดใหญ่ การจัดเก็บที่ง่าย และต้นทุนที่อาจแข่งขันกับเมล็ดจริงได้ในอนาคต เมล็ดเทียมคือเอ็มบริโอโซมาติกที่ถูกห่อหุ้มด้วยเจลป้องกัน ซึ่งโดยทั่วไปนิยมใช้แคลเซียมอัลจิเนต (calcium alginate) อย่างไรก็ตาม ความท้าทายหลักยังคงอยู่ที่การผลิตเอ็มบริโอโซมาติกคุณภาพสูงที่สามารถงอกเป็นต้นที่สมบูรณ์ในสภาพแวดล้อมจริงได้อย่างสม่ำเสมอ
โปรโตคอลใหม่และการเพิ่มประสิทธิภาพ (New Protocols and Optimization)
การพัฒนาโปรโตคอลที่มีประสิทธิภาพสูงสำหรับพืชแต่ละชนิดยังคงเป็นหัวใจสำคัญของการวิจัย ในปี 2024 บริษัท Scion ในนิวซีแลนด์ได้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาโปรโตคอลการงอกของเอ็มบริโอโซมาติกในสน Pinus radiata ที่สั้นลงอย่างมาก จากเดิม 5 สัปดาห์ เหลือเพียง 10-14 วัน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยลดต้นทุน แต่ยังเพิ่มอัตราการรอดชีวิตและคุณภาพของต้นกล้าอีกด้วย นอกจากนี้ การประชุมวิชาการนานาชาติด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและเทคโนโลยีชีวภาพพืช ประจำปี 2024 ที่จัดขึ้นในบังกลาเทศในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ยังได้มีการนำเสนอผลงานวิจัยเกี่ยวกับการพัฒนาอาหารเลี้ยงสูตรใหม่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามอย่างต่อเนื่องในการปรับปรุงเทคโนโลยีพื้นฐานให้ดียิ่งขึ้น
II. การประยุกต์ใช้ในภาคส่วนต่างๆ: กรณีศึกษาล่าสุด (2024-2025)
ไม้ดอกไม้ประดับ (Ornamental Plants)
อุตสาหกรรมไม้ดอกไม้ประดับยังคงเป็นผู้ใช้เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อรายใหญ่ที่สุด โดยครองสัดส่วนตลาดที่สูงที่สุด งานวิจัยล่าสุดมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาโปรโตคอลสำหรับพืชชนิดใหม่ๆ และการแก้ปัญหาที่ท้าทาย
คาร์เนชั่น (Dianthus caryophyllus): บทความทบทวนที่ตีพิมพ์ในเดือนมกราคม 2025 ได้รวบรวมความก้าวหน้าล่าสุดในการขยายพันธุ์คาร์เนชั่น โดยครอบคลุมถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการขยายพันธุ์ การแก้ปัญหาภาวะอวบน้ำ (hyperhydricity) และที่สำคัญคือการประยุกต์ใช้เครื่องมือเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ เช่น การตัดต่อยีน เพื่อปรับปรุงพันธุ์คาร์เนชั่นให้มีลักษณะตามต้องการ
พืชประดับชนิดใหม่: วารสารฉบับพิเศษในปี 2024 ได้นำเสนอโปรโตคอลการขยายพันธุ์สำหรับพืชประดับที่มีศักยภาพหลายชนิด เช่น Lagerstroemia speciosa (ยี่เข่ง), Sideritis raeseri ซึ่งเป็นพืชที่ใกล้สูญพันธุ์, และ Dyckia brevifolia โดยแสดงให้เห็นถึงบทบาทของเทคโนโลยีนี้ทั้งในเชิงพาณิชย์และการอนุรักษ์ นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยที่น่าสนใจเกี่ยวกับการใช้แสง LED สีแดงและสีน้ำเงินเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการสร้างต้นใหม่ใน African Violet และการใช้รังสี UV-C เพื่อกระตุ้นการออกรากและเพิ่มขนาดดอกใน
Pelargonium
พืชสมุนไพรและยา (Medicinal Plants)
ความต้องการพืชสมุนไพรที่เพิ่มขึ้นทั่วโลกผลักดันให้การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลิตวัตถุดิบที่ได้มาตรฐานและยั่งยืน ในเดือนธันวาคม 2024 จะมีการตีพิมพ์หนังสือ "Tissue Culture Techniques and Medicinal Plants" ซึ่งรวบรวมความรู้ล่าสุดเกี่ยวกับการประยุกต์ใช้เทคนิคต่างๆ ตั้งแต่การขยายพันธุ์ไปจนถึงการผลิตสารทุติยภูมิ การเก็บรักษาพันธุ์ด้วยความเย็นยิ่งยวด (cryopreservation) และการใช้นาโนเทคโนโลยี งานวิจัยล่าสุดยังได้ศึกษาการใช้สารกระตุ้น (elicitor) ชนิดใหม่ๆ เช่น phloroglucinol (PHL) ร่วมกับ melatonin (MEL) เพื่อเพิ่มการผลิตสารทุติยภูมิที่มีคุณค่าทางยา
พืชอาหาร (Food Crops)
แม้ว่าการประยุกต์ใช้ในพืชอาหารหลักจะมีความท้าทายด้านต้นทุน แต่การวิจัยยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการปรับปรุงพันธุ์
ถั่วลิสง (Arachis hypogaea): งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในเดือนธันวาคม 2024 ได้พัฒนาระบบการสร้างต้นใหม่ที่มีประสิทธิภาพผ่านการสร้างเอ็มบริโอจากเซลล์โซมาติกในถั่วลิสงพันธุ์ 'Georgia-12Y' โดยต้นที่ได้ไม่มีความผิดปกติทางสัณฐานวิทยาและมีความเสถียรทางพันธุกรรม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับโครงการปรับปรุงพันธุ์และพันธุวิศวกรรมในอนาคต
บรอกโคลี (Brassica oleracea var. italica): งานวิจัยในปี 2024 ประสบความสำเร็จในการชักนำให้เกิดการสร้างเอ็มบริโอโซมาติกโดยตรงจากต้นอ่อนของบรอกโคลี โดยไม่ต้องผ่านขั้นตอนการสร้างแคลลัส ซึ่งเป็นโปรโตคอลที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ และผลการวิเคราะห์ DNA ยืนยันว่าต้นที่ได้มีความเสถียรทางพันธุกรรม
III. ภูมิทัศน์โลกและทิศทางในอนาคต (2024-2025)
พลวัตของตลาด (Market Dynamics)
ตลาดการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชในปี 2024-2025 มีการแข่งขันสูงและมีผู้เล่นจำนวนมาก (fragmented) ภูมิภาคยุโรปยังคงเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด ในขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีอัตราการเติบโตที่เร็วที่สุด โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นในประเทศอย่างอินเดีย เมื่อพิจารณาตามประเภทพืชผล กลุ่มไม้ดอกไม้ประดับครองส่วนแบ่งตลาดที่ใหญ่ที่สุด ในขณะที่กลุ่มพืชผลไม้เป็นผู้นำในด้านรายได้ กลุ่มเกษตรกรเป็นผู้ใช้ปลายทางรายใหญ่ที่สุด และคาดว่าจะเป็นกลุ่มที่เติบโตเร็วที่สุดด้วย อย่างไรก็ตาม ต้นทุนการลงทุนเริ่มต้นที่สูงยังคงเป็นอุปสรรคสำคัญ โดยเฉพาะสำหรับผู้ผลิตรายย่อย
ภูมิทัศน์ด้านกฎระเบียบ (Regulatory Landscape)
ปี 2024 ถือเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพพืช ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อการประยุกต์ใช้การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อในฐานะเทคโนโลยีสนับสนุน
ประเทศไทย: ในเดือนกรกฎาคม 2024 ได้มีการลงนามในกฎหมายใหม่เกี่ยวกับ "การรับรองสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาจากเทคโนโลยีการตัดต่อจีโนมเพื่อใช้ทางการเกษตร" ซึ่งเป็นการเปิดทางให้มีการพัฒนาและใช้ประโยชน์จากพืช สัตว์ และจุลินทรีย์ที่ผ่านการตัดต่อจีโนมในเชิงพาณิชย์ได้อย่างปลอดภัย
สหภาพยุโรป: ในเดือนมกราคม 2024 คณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อมของรัฐสภายุโรปได้อนุมัติข้อเสนอเกี่ยวกับเทคนิคจีโนมใหม่ (NGTs) ซึ่งเป็นก้าวสำคัญในการส่งเสริมนวัตกรรมการปรับปรุงพันธุ์พืชในภูมิภาค
ประเทศอื่นๆ: หลายประเทศทั่วโลกกำลังปรับปรุงกฎระเบียบของตนเองเพื่อรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ เหล่านี้ เช่น อุรุกวัยและนิวซีแลนด์ ซึ่งจะช่วยเร่งการวิจัยและพัฒนาพืชพันธุ์ใหม่ๆ ที่ต้องการการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อเป็นเครื่องมือสำคัญ
การประชุมและความร่วมมือทางวิชาการ (Conferences and Collaborations)
แวดวงวิชาการยังคงมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความก้าวหน้าของสาขาวิชานี้ การประชุมวิชาการนานาชาติด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและเทคโนโลยีชีวภาพพืช ประจำปี 2024 ที่จะจัดขึ้นในบังกลาเทศในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 จะเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างความร่วมมือใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังมีการประชุมที่สำคัญอื่นๆ ในปี 2025 เช่น การประชุม Plant Biology 2025 ที่เมืองมิลวอกี สหรัฐอเมริกา , การประชุม World Meet on Biotechnology and Plant Biology ที่กรุงโรม อิตาลี , และการประชุม Plant Science and Molecular Biology World Conference ที่กรุงปารีส ฝรั่งเศส ซึ่งจะเป็นเวทีสำหรับการนำเสนอและอภิปรายนวัตกรรมล่าสุดในสาขานี้
อนาคตที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและพันธุวิศวกรรม
ภูมิทัศน์ของการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชในปี 2024-2025 ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ จากเทคนิคการขยายพันธุ์ไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มเทคโนโลยีที่จำเป็นและขาดไม่ได้สำหรับนวัตกรรมทางการเกษตรยุคใหม่ แนวโน้มที่ชัดเจนคือการบูรณาการอย่างลึกซึ้งกับเทคโนโลยีการตัดต่อจีโนม ซึ่งการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อทำหน้าที่เป็นขั้นตอนชี้ขาดความสำเร็จของกระบวนการทั้งหมด ในขณะเดียวกัน การนำระบบอัตโนมัติและ AI มาใช้กำลังจะเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมไปสู่การผลิตขนาดใหญ่ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น อนาคตของสาขาวิชานี้จึงไม่ได้อยู่แค่การค้นพบโปรโตคอลใหม่ๆ เท่านั้น แต่อยู่ที่การพัฒนาระบบที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (data-driven) ซึ่งสามารถปรับปรุงกระบวนการให้เหมาะสมได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อความท้าทายระดับโลก ทั้งในด้านความมั่นคงทางอาหาร การอนุรักษ์ความหลากหลายทางชีวภาพ และการพัฒนาที่ยั่งยืน
บรรณานุกรม
American Society of Plant Biologists. (2025). Plant Biology 2025. Retrieved from https://plantbiology.aspb.org/
Anonymous. (2024). Artificial Seeds Technology: A Review. Anbar Journal of Agricultural Sciences, 21(2), 136-147.
Anonymous. (2024). Induction of direct somatic embryogenesis and genetic stability of somatic embryo-derived plants of broccoli. Czech Journal of Genetics and Plant Breeding.
Business Research Insights. (2024). Plant Tissue Culture Market Overview. Retrieved from https://www.businessresearchinsights.com/market-reports/plant-tissue-culture-market-117979
Cui, Y., et al. (2024). Recent advances in plant genetic transformation technologies. Plant Biotechnology Journal.
Georgiev, V., et al. (2014). High-yielding repetitive somatic embryogenesis and plant recovery in a selected tea clone 'TRI-2025' by temporary immersion. ResearchGate.
Gutiérrez-Mora, A., et al. (2012). Plant Somatic Embryogenesis: Some Useful Considerations. ResearchGate.
Husen, A., & Pant, M. (Eds.). (2024). Tissue Culture Techniques and Medicinal Plants: Enhancing Propagation and Production. CRC Press.
InSciTech Summits. (2025). World Meet on Biotechnology and Plant Biology (WMBIOTECH2025). Retrieved from https://inscitechsummits.com/2025/biotechnology
ISAAA. (2025). Key Developments in New Plant Breeding Technologies in 2024. ISAAA Blog. Retrieved from https://www.isaaa.org/blog/entry/default.asp?BlogDate=1/22/2025
Karami, O., et al. (2024). Transient efflux inhibition improves plant regeneration by natural auxins. The Plant Journal.
Ma, Y., et al. (2024). CRISPR-based genome editing in perennial and semi-perennial crops. Frontiers in Plant Science.
P&S Intelligence. (2024). Micropropagation Market Analysis. Retrieved from https://www.psmarketresearch.com/market-analysis/micropropagation-market
Pasternak, T., & Steinmacher, D. (2025). Plant Tissue Culture In Vitro: A Long Journey with Lingering Challenges. International Journal of Plant Biology, 16(3), 97.
Precision Global Conferences. (2025). 2nd Edition Of Plant Science and Molecular Biology World Conference (PMBWC) 2025. Retrieved from https://www.plantandmolecularconference.com/
Scion Research. (2024). Tissue culture for the 21st century. Retrieved from https://www.scionresearch.com/news-and-events/news/2024-news-and-media-releases/tissue-culture-for-the-21st-century
Singh, A. K., et al. (2024). An efficient regeneration system was established through somatic embryogenesis and shoot organogenesis using mature embryos explants of peanut cultivar 'Georgia-12Y'. PLOS ONE.
The Business Research Company. (2025). Micropropagation Market Forecast 2025-2034. Retrieved from https://www.thebusinessresearchcompany.com/report/micropropagation-global-market-report





ความคิดเห็น