top of page

บริษัท ไทย ทิชชูคัลเจอร์ฯ จุดประกายความรู้การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช อบรมให้ความรู้นักเรียน รร.บรบือ กว่า 500 คน

อัปเดตเมื่อ 15 ส.ค.

บริษัท ไทย ทิชชูคัลเจอร์ฯ จุดประกายความรู้การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช อบรมให้ความรู้นักเรียน รร.บรบือกว่า 500 คน

ในยุคที่เทคโนโลยีการเกษตรกำลังก้าวกระโดดไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ประเทศไทยในฐานะผู้นำด้านการเกษตรของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กำลังสร้างปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การศึกษาด้านการเกษตรของโลก เมื่อบริษัท ไทย ทิชชูคัลเจอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ริเริ่มโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษาตอนปลายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น


ระหว่างวันที่ 5-7 สิงหาคม 2568 ที่ผ่านมา บริษัท ไทย ทิชชูคัลเจอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้เปิดประตูห้องปฏิบัติการที่ทันสมัยของตนเอง เพื่อต้อนรับนักเรียนจากโรงเรียนบรบือ จำนวนทั้งสิ้น 456 คน เข้ามาเรียนรู้เทคโนโลยีขั้นสูงในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ซึ่งถือเป็นองค์ความรู้ที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่ออนาคตของวงการเกษตรกรรมไทย


บริษัท ไทย ทิชชูคัลเจอร์ฯ จุดประกายความรู้การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช อบรมให้ความรู้นักเรียน รร.บรบือกว่า 500 คน

วิสัยทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย


การตัดสินใจครั้งสำคัญของผู้บริหารบริษัทที่จะเปิดโอกาสให้เยาวชนไทยได้เข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ถือเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของประเทศอย่างแท้จริง โครงการนี้ไม่เพียงแต่มุ่งถ่ายทอดความรู้ทางวิชาการเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายที่จะสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนไทยเห็นโอกาสในการประกอบอาชีพด้านเกษตรกรรมสมัยใหม่ และพัฒนาตนเองให้กลายเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถในด้านเทคโนโลยีการเกษตรขั้นสูง

นโยบายการอบรมฟรีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของภาคเอกชนไทยในการมีส่วนร่วมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ประเทศกำลังต้องการบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีการเกษตรเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของโลกในยุคดิจิทัล


การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช รูปแบบการอบรมที่ออกแบบมาเพื่อประสิทธิภาพสูงสุด


การจัดอบรมครั้งนี้ได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้นักเรียนทุกคนได้รับประสบการณ์การเรียนรู้ที่สมบูรณ์แบบ โดยแบ่งนักเรียนออกเป็น 3 กลุ่มตามระดับชั้นเรียน เพื่อให้สามารถปรับเนื้อหาและวิธีการสอนให้เหมาะสมกับพื้นฐานความรู้และความพร้อมของแต่ละกลุ่ม


วันที่ 5 สิงหาคม 2568: เริ่มต้นด้วยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 105 คน ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความพร้อมสูงสุดในด้านพื้นฐานความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ทำให้สามารถเจาะลึกในรายละเอียดทางเทคนิคขั้นสูงได้มากกว่า

วันที่ 6 สิงหาคม 2568: นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 143 คน ได้รับการอบรมพร้อมกับการถ่ายทอดประสบการณ์จริงจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ โดยเน้นการสร้างแรงบันดาลใจและการมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในอนาคต

วันที่ 7 สิงหาคม 2568: ปิดท้ายด้วยนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 จำนวน 141 คน ซึ่งได้รับการปูพื้นฐานความรู้อย่างแข็งแรงเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น



4 ฐานการเรียนรู้: หัวใจสำคัญของความสำเร็จ


โครงการอบรมนี้ได้ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้แบบฐานการเรียนรู้ (Station-based Learning) ซึ่งเป็นวิธีการที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูงในการถ่ายทอดความรู้เชิงปฏิบัติ โดยแบ่งออกเป็น 4 ฐานหลัก ดังนี้


ฐานที่ 1: การชมห้องปฏิบัติการ


นักเรียนได้มีโอกาสเข้าชมห้องปฏิบัติการที่ได้มาตรฐานระดับสากล พร้อมอุปกรณ์และเครื่องมือที่ทันสมัย การได้เห็นสภาพแวดล้อมการทำงานจริงช่วยให้นักเรียนเข้าใจถึงความสำคัญของการควบคุมสภาพแวดล้อมในกระบวนการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช รวมถึงการรักษาความสะอาดปลอดเชื้อ (Aseptic Technique) ที่เป็นหัวใจสำคัญของความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ

นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับอุปกรณ์สำคัญต่างๆ เช่น ตู้ปลอดเชื้อ (Laminar Air Flow Cabinet), หม้อนึ่งความดันไอน้ำ (Autoclave), ตู้บ่มเพาะเชื้อ (Incubator) และอุปกรณ์อื่นๆ ที่จำเป็นในห้องปฏิบัติการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช พร้อมทั้งได้รับคำอธิบายถึงหลักการทำงานและความสำคัญของอุปกรณ์แต่ละชนิด


ฐานที่ 2: การฟอกเนื้อเยื่อ


ในฐานนี้ นักเรียนได้เรียนรู้ขั้นตอนสำคัญในการเตรียมชิ้นส่วนพืชให้ปลอดเชื้อก่อนนำไปเพาะเลี้ยง ซึ่งเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากการฟอกเนื้อเยื่อไม่สมบูรณ์ อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่ไม่พึงประสงค์ ส่งผลให้การเพาะเลี้ยงล้มเหลว


นักเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริงในการใช้สารฟอกขาวชนิดต่างๆ เช่น โซเดียมไฮโปคลอไรต์ (Sodium Hypochlorite) และแอลกอฮอล์ในความเข้มข้นที่เหมาะสม พร้อมทั้งเรียนรู้เทคนิคการล้างและการจัดการชิ้นส่วนพืชอย่างถูกวิธี เพื่อให้ได้เนื้อเยื่อที่สะอาดและมีชีวิตพร้อมสำหรับการเพาะเลี้ยง


ฐานที่ 3: การตัดเนื้อเยื่อ


การตัดแต่งเนื้อเยื่อพืชเป็นศิลปะที่ต้องอาศัยทั้งความรู้และทักษะการปฏิบัติ นักเรียนได้เรียนรู้เทคนิคการตัดเนื้อเยื่อให้มีขนาดที่เหมาะสม การเลือกส่วนของพืชที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโต และการใช้เครื่องมือตัดที่ผ่านการฆ่าเชื้อแล้วอย่างถูกวิธี


วิทยากรผู้เชี่ยวชาญได้สาธิตและให้นักเรียนฝึกปฏิบัติการตัดเนื้อเยื่อในสภาพปลอดเชื้อ โดยใช้เทคนิคการทำงานภายใต้ตู้ปลอดเชื้อ การจับเครื่องมือที่ถูกต้อง และการตัดเนื้อเยื่อในมุมและขนาดที่เหมาะสมเพื่อให้ได้ชิ้นเนื้อเยื่อที่มีคุณภาพดีที่สุด


ฐานที่ 4: การอนุบาลต้นกล้า


ฐานสุดท้ายนี้เน้นการดูแลต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อให้เจริญเติบโตอย่างแข็งแรง นักเรียนได้เรียนรู้เกี่ยวกับการย้ายต้นกล้าจากอาหารเพาะเลี้ยงไปสู่สภาพแวดล้อมภายนอก (Acclimatization) ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ละเอียดอ่อนและต้องการความระมัดระวังเป็นพิเศษ


การอนุบาลต้นกล้ายังรวมถึงการเตรียมวัสดุปลูก การควบคุมความชื้น อุณหภูมิ และแสง รวมทั้งการป้องกันโรคและแมลงในระยะแรกของการเจริญเติบโต นักเรียนได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเพื่อให้เข้าใจกระบวนการทั้งหมดอย่างถ่องแท้


ผลกระทบและความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ


โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการถ่ายทอดความรู้ด้านเทคนิคเท่านั้น แต่ยังมีผลกระทบในวงกว้างต่อการพัฒนาประเทศในหลายมิติ


มิติด้านการศึกษา


การที่นักเรียนระดับมัธยมศึกษาได้มีโอกาสสัมผัสกับเทคโนโลยีขั้นสูงในการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ช่วยเปิดโลกทัศน์และสร้างแรงบันดาลใจในการศึกษาต่อด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตร นักเรียนหลายคนอาจค้นพบความสนใจและความถนัดของตนเองในสาขานี้ ซึ่งจะนำไปสู่การเลือกเส้นทางการศึกษาและอาชีพในอนาคต


การเรียนรู้แบบปฏิบัติจริง (Hands-on Learning) ยังช่วยพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ การแก้ปัญหา และการทำงานเป็นทีม ซึ่งเป็นทักษะสำคัญในศตวรรษที่ 21 ที่นักเรียนสามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการเรียนและการทำงานในอนาคต


มิติด้านเศรษฐกิจ


การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชเป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพสูงในการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคการเกษตรไทย การที่เยาวชนไทยมีความรู้ความสามารถในด้านนี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในตลาดโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการผลิตพืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าสูง เช่น กล้วยไม้ พืชสมุนไพร และพืชพลังงาน


นักเรียนที่ผ่านการอบรมนี้อาจกลายเป็นผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่นำเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อไปใช้ในการประกอบธุรกิจ สร้างงาน สร้างรายได้ให้กับตนเองและชุมชน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากของประเทศให้เข้มแข็งขึ้น


มิติด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม


เทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชเป็นวิธีการผลิตพืชที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เนื่องจากใช้พื้นที่น้อย ประหยัดน้ำ และลดการใช้สารเคมีในการผลิต การที่เยาวชนไทยมีความรู้ในด้านนี้จะช่วยส่งเสริมการเกษตรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อยังสามารถใช้ในการอนุรักษ์พันธุ์พืชหายากและใกล้สูญพันธุ์ ซึ่งเป็นการช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศไทยให้คงอยู่ต่อไป


เสียงสะท้อนจากผู้เข้าร่วมโครงการ


ความสำเร็จของโครงการนี้สะท้อนได้จากความกระตือรือร้นและความสนใจของนักเรียนที่เข้าร่วมอบรม แม้ว่าการอบรมจะใช้เวลาทั้งวัน แต่นักเรียนส่วนใหญ่ยังคงรักษาความสนใจและมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ อย่างเต็มที่ หลายคนแสดงความประทับใจที่ได้มีโอกาสเรียนรู้เทคโนโลยีขั้นสูงที่ปกติแล้วมักจะพบเห็นได้เฉพาะในระดับมหาวิทยาลัยหรือสถาบันวิจัย

วิทยากรผู้ให้การอบรมได้แบ่งปันประสบการณ์ความสำเร็จในการประกอบธุรกิจด้านการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืช ซึ่งช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้นักเรียนเห็นว่าความรู้ที่ได้รับสามารถนำไปต่อยอดเป็นอาชีพที่มั่นคงและสร้างรายได้ที่ดีในอนาคต


อนาคตของโครงการ การขยายผลสู่ทั่วประเทศ


ความสำเร็จของการอบรมครั้งนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของโครงการที่ยิ่งใหญ่กว่า ผู้บริหารบริษัท ไทย ทิชชูคัลเจอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้ประกาศเจตนารมณ์อย่างชัดเจนว่าจะขยายโครงการอบรมนี้ไปยังโรงเรียนทั่วประเทศ โดยเปิดโอกาสให้โรงเรียนที่สนใจสามารถติดต่อเข้ามาขอรับการอบรมได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ


การขยายผลของโครงการนี้จะช่วยสร้างเครือข่ายเยาวชนที่มีความรู้ด้านเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชทั่วประเทศ ซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาภาคการเกษตรไทยในอนาคต นอกจากนี้ ยังอาจนำไปสู่การพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนด้านเทคโนโลยีการเกษตรในระดับมัธยมศึกษาให้มีความทันสมัยและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานมากขึ้น


ก้าวสำคัญสู่การเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการเกษตรในภูมิภาค


โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชโดยบริษัท ไทย ทิชชูคัลเจอร์อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนและภาคการศึกษาในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของชาติ การที่ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่จัดการอบรมในลักษณะนี้ให้กับนักเรียนระดับมัธยมศึกษา แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ที่ก้าวไกลและความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน


ความสำเร็จของโครงการนี้ไม่ควรวัดเพียงจากจำนวนนักเรียนที่เข้าร่วมอบรม แต่ควรมองไปถึงผลกระทบระยะยาวที่จะเกิดขึ้น เมื่อนักเรียนเหล่านี้เติบโตขึ้นและนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ในการพัฒนาตนเอง ชุมชน และประเทศชาติ


การลงทุนในการศึกษาและการพัฒนาทักษะของเยาวชนเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด เพราะเยาวชนคืออนาคตของชาติ โครงการนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการถ่ายทอดความรู้ แต่เป็นการปลูกฝังความหวังและสร้างโอกาสให้กับเยาวชนไทยในการก้าวสู่อนาคตที่สดใสในวงการเกษตรกรรมสมัยใหม่


ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านความมั่นคงทางอาหารและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การที่ประเทศไทยมีเยาวชนที่มีความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีการเกษตรขั้นสูง จะช่วยให้ประเทศสามารถรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังสามารถเป็นผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีการเกษตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อีกด้วย


โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อพืชนี้จึงเป็นมากกว่าการอบรมทั่วไป แต่เป็นการจุดประกายความหวังและเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ให้กับเยาวชนไทย เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างอนาคตที่ยั่งยืนให้กับภาคการเกษตรไทย และเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับองค์กรอื่นๆ ในการมีส่วนร่วมพัฒนาการศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ของชาติต่อไป



ความคิดเห็น

ได้รับ 0 เต็ม 5 ดาว
ยังไม่มีการให้คะแนน

ให้คะแนน
bottom of page