บริษัท ไทยทิชชูฯ ร่วมงาน "พาแบงก์รัฐ มาช่วยราษฎร์" ตอกย้ำวิสัยทัศน์หนุนเกษตรกรไทยด้วยนวัตกรรม

เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2568 บริษัท ไทยทิชชู คัลเจอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผู้นำด้านการผลิตและจำหน่ายต้นกล้าพันธุ์พืชด้วยเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ได้เข้าร่วมกิจกรรม "พาแบงก์รัฐ มาช่วยราษฎร์" ซึ่งจัดขึ้นโดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) และธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ณ โรงแรมสุนีย์ แกรนด์ แอนด์ คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ จังหวัดอุบลราชธานี เพื่อนำเสนอนวัตกรรมการเกษตรและสนับสนุนเกษตรกรในพื้นที่

กิจกรรมครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก ดร.เผ่าภูมิ โรจน์สกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งได้ให้เกียรติกล่าวปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ "ผลิตภัณฑ์และภารกิจให้ความช่วยเหลือ SMEs" โดยเน้นย้ำถึงนโยบายของภาครัฐในการสนับสนุนผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนและองค์ความรู้ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ

ภายในงาน บริษัท ไทยทิชชูฯ ได้นำผลิตภัณฑ์ที่เป็นไฮไลท์อย่าง "ต้นกล้าพืชในขวดแก้ว" ซึ่งเกิดจากกระบวนการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อที่ทันสมัย มาจัดแสดงและแจกจ่ายให้แก่เกษตรกรและผู้เข้าร่วมงานโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย. กิจกรรมดังกล่าวสอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทที่มุ่งมั่นในการผลิตพืชเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อคุณภาพดี แข็งแรง และปลอดโรค เพื่อให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงพันธุ์พืชเศรษฐกิจและสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน. บูธของบริษัทฯ ได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานอย่างล้นหลาม มีผู้แวะเวียนเข้ามาสอบถามถึงเทคโนโลยีการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อและรับต้นกล้าพันธุ์พืชเพื่อนำไปทดลองเพาะปลูกอย่างต่อเนื่องตลอดการจัดงาน

ในโอกาสนี้ คณะผู้บริหารของบริษัท ไทยทิชชู คัลเจอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ได้เข้าพบและร่วมพูดคุยกับ ดร.เผ่าภูมิ โรจน์สกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เพื่อนำเสนอวิสัยทัศน์ของบริษัทในการนำนวัตกรรมมาช่วยยกระดับภาคการเกษตรของไทย นอกจากนี้ ยังได้เข้าพบ นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (SME D Bank) เพื่อกล่าวขอบคุณที่ธนาคารได้ให้การสนับสนุนและความช่วยเหลือบริษัทฯ ด้วยดีเสมอมา ซึ่งการสนับสนุนจาก SME D Bank ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บริษัทสามารถเติบโตและพัฒนานวัตกรรมทางการเกษตรเพื่อประโยชน์ของเกษตรกรและเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างเป็นรูปธรรม